ประโยชน์ของกล้วยหอม

กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่ปลูกได้ตลอดปีในกล้วยหอมประกอบไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิดคือ ซูโครส ฟรุกโตน และกูลโคส ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้ร่างกายพร้อมนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที อีกทั้งมีเส้นใยอาหาร รวมทั้งวิตามินและเกลือแร่ต่างๆหลายชนิด  มีประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย สามารถควบคุมความดันโลหิตได้  เนื่องจากกล้วยมีโพแตสเซียมและธาตุเหล็กสูง จึงมีการแนะนำให้ผู้ป่วยโรคโลหิตจางบริโภคกล้วย

การบริโภคกล้วยเป็นประจำจะช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำตาลในเลือด หลังการบริโภคอาหารและรักษาสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งน่าจะมีประโยชน์ต่อการนำมารักษาคนที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้กล้วยหอมยังได้รับความนิยมในกลุ่มคนออกกำลังกายและลดน้ำหนักเพื่อทดแทนอาหารหลัก

คุณค่าทางโภชนาการ

กล้วยหอมปริมาณ 100 กรัม น้ำหนักไม่รวมเปลือก (ประมาณกล้วยขนาดกลาง 1 ลูก) ประกอบไปด้วย

  • พลังงาน 132 กิโลแคลอรี  
  • น้ำ 66.3 กรัม 
  • โปรตีน 0.9 กรัม 
  • ไขมัน 0.2 กรัม 
  • คาร์โบไฮเดรต 31.7 กรัม 
  • ไฟเบอร์ 1.9 กรัม 
  • ซัลเฟต 0.9 กรัม 
  • แคลเซียม 26 มิลลิกรัม 
  • ฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม 
  • เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม  
  • เบต้า-แคโรทีน 99 ไมโครกรัม 
  • วิตามินเอ 17 ไมโครกรัม  
  • วิตามินบี1 (ไทอะมีน) 0.04 มิลลิกรัม 
  • วิตามินบี2 (โรโปพลาวิน) 0.07 มิลลิกรัม 
  • ไนอะซีน 0.1 มิลลิกรัม 
  • วิตามินซี 27 มิลลิกรัม

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

1.ช่วยผ่อนคลายความเครียด เมื่อเข้าสู่ภาวะเครียด ย่อมทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น ทำให้รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวหรือบางครั้งเกิดอาการปวดหัวตุ้บๆ การรับประทานกล้วยหอมจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยสารโพแทสเซียมและวิตามินมากมาย ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะช่วยลดความดันเลือดให้สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ร่างกายค่อยๆ ลดระดับความเครียดลงมานั่นเอง

2.ช่วยแก้อาการท้องผูก เมื่อมีอาการท้องผูก การรับประทานกล้วยหอมช่วยแก้อาการนี้ได้ เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ซึ่งส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย หากมีอาการท้องผูกบ่อยๆ แนะนำให้รับประทานกล้วยหอมวันละ 1 ลูกทุกวัน รับรองว่า อาการท้องผูกจะดีขึ้นได้ตามลำดับ

3.บำรุงสายตา กล้วยหอมอุดมไปด้วยวิตามินเอและสารเบต้าแคโรทีน สารทั้งสองชนิดนี้ล้วนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อดวงตาอย่างมาก นอกจากจะช่วยบำรุงสายตาแล้วยังมีส่วนช่วยบำรุงและกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทตาได้อีกด้วย

4.ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีมีส่วนช่วยในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระทั้งสิ้น กล้วยหอมก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้ดี วิตามินซีจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด ช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด ใครที่เป็นโรคนี้บ่อยๆ แนะนำให้รับประทานกล้วยหอมแทนผลไม้รสเปรี้ยวชนิดอื่นๆ 

5.แก้อาการนอนไม่หลับ ใครที่มีปัญหานอนไม่หลับบ่อยๆ อย่าเพิ่งตัดสินใจรับประทานยานอนหลับ เพราะการรับประทานกล้วยหอมเป็นตัวช่วยที่ดีและปลอดภัยกว่า เนื่องจากอุดมไปด้วยกรดอะมิโนและทริปโตเฟน สารอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนประกอบของการสร้างเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยทำให้ร่างกายหลับได้ง่ายขึ้น ควรรับประทานกล้วยหอมในช่วงมื้อเย็นจากนั้นจึงค่อยอาบน้ำและเข้านอน รับรองว่า จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายแน่นอน

6.ช่วยลดน้ำหนัก กล้วยหอมมีวิตามินบี1 และวิตามินบี2 ที่คอยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันในร่างกาย ที่สำคัญยังมีสารอาหารสำคัญอย่างคาร์โบไฮเดรตและไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ซึ่งกากใย (ไฟเบอร์) จะทำการดูดซับน้ำทำให้เกิดการพองตัว และช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ลดโอกาสที่จะรับประทานของจุบจิบหรือของว่างระหว่างมื้อจึงลดลง 

7.มีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร กากอาหารที่อุดมอยู่ในกล้วยหอมนั้น มีหน้าที่ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหารให้สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว ดังนั้นเมื่อรับประทานกล้วยหอมบ่อยๆ ก็จะเป็นการปรับระบบย่อยอาหารในร่างกายให้สามารถทำงานได้เป็นปกติยิ่งขึ้น สำหรับใครที่ระบบย่อยอาหารมีปัญหา หากรับประทานกล้วยหอมเป็นประจำก็ไม่จำเป็นต้องง้อยาช่วยย่อยใดๆ เลย

8.บำรุงหัวใจ วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีอยู่ในกล้วยหอมล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพของหัวใจมากมาย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีหน้าที่ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย สำหรับใครที่ไม่อยากเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ หรือต้องการบำรุงหัวใจให้มีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรรับประทานกล้วยหอมเป็นประจำ

9.ป้องกันกระดูกเปราะ เนื่องจากในกล้วยหอมมีปริมาณของฟอสฟอรัสปริมาณสูง ทั้งนี้ฟอสฟอรัสเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก  ที่สำคัญแคลเซียมที่อยู่ในกล้วยหอมก็มีหน้าที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกระดูกตามส่วนต่างๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

โทษของกล้วยหอม

แม้จะมีประโยชน์เยอะทว่ากล้วยหอมเองก็มีข้อควรระวังในการรับประทานด้วยโดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคไต ควรรับประทานกล้วยหอมแต่น้อย หรือเลี่ยงไปเลยก็ได้ เพราะกล้วยหอมเป็นแหล่งของสารโพแทสเซียม อาจส่งผลกระทบต่ออาการของผู้ป่วยโรคไตได้

นอกจากนี้เราก็ไม่ควรกินกล้วยหอมมากเกินขนาด สักวันละ 1-2 ลูกก็เพียงพอ เพราะกล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างสูงหากกินกล้วยหอมร่วมกับอาหารประเภทแป้งเยอะ ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้องเอาได้

สักวันละ 1-2 ลูกก็เพียงพอ

สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก กล้วยหอมก็มีแคลอรีพอประมาณ ถ้ากินเกินวันละ 2 ลูกก็ให้พลังงานเกือบ 300 กิโลแคลอรี ฉะนั้นเลือกกินอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำรวมทั้งควบคุมอาหารไปพร้อม ๆ กัน

เนื่องจากกล้วยหอมสดที่ใช้บริโภคมีอายุเก็บเพียง5-7วัน จึงมีการแปรรูปกล้วยหอมสดโดยการอบแห้งให้อยู่ในรูปของกล้วยหอมผงและสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น รับประทานง่ายสามารถชงในน้ำเปล่าเป็นผงทดแทนอาหาร หรือผสมในเบเกอรี่เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ

ชาสมุนไพรเลือดมังกร ฟรีค่าส่ง

ดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าเสียเงินไปหาหมอชาเลือดมังกร หรือ สมุนไพรเลือดมังกร ตราบ้านชาไทย ปลูกบนยอดเขาสูงไม่น้อยกว่า 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ณ บ้านห้วยน้ำกืน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ทำให้ได้ สมุนไพรเลือดมังกร ที่มีคุณภาพสูง ปลูกแบบออแกนนิค 10...

ดูรายละเอียด

การนอนหลับ

บทความน่ารู้

รู้ได้อย่างไรดื่มน้ำพอไหม

ประโยชน์ของการดื่มน้ำให้เพียงพอสำหรับร่างกายมีมากมาย สิ่งที่คุณจะรับรู้ได้อย่างชัดเจนด้วยตัวเองก็คือ เมื่อดื่มน้ำไม่เพียงพอ เราจะรู้สึก ปากแห้ง คอแห้ง ผิวแห้ง ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม แต่เมื่อดื่มน้ำสะอาดเพียงพอสำหรับร่างกาย สมองจะสามารถคิด ประมวลผลได้เร็...

อ่านต่อ

ทำไม ไม่ควร วิ่งตอนกลางคืน

นอกจากเหตุผลด้านความปลอดภัยแล้วการวิ่งตอนกลางคืน หรือ ใกล้ช่วงเวลาเข้านอนก็ยังส่งผลเสียด้วยเช่นกัน เคยมีผลการศึกษาที่ชี้ว่าเราสามารถออกกำลังกายตอนเย็นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเลยล่ะ แต่เราไม่ควรออกกำลังกายในช่วงเวลาก่อนนอนอย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งชั่วโมง เนื่...

อ่านต่อ

นอนหลับสนิท ด้วยโยคะ

การออกกำลังกายสม่ำเสมอนั้น คือยาวิเศษที่ ไม่ต้องพึ่งหมอ เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ภูมิต้านทานดีขึ้น ลดความเครียด เพิ่มความกระฉับกระเฉง และ ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มคุณภาพในการนอนหลับ ให้นอนหลับสนิท ตื่นขึ้นมากสดชื่นสดใสนอนเยอะแ...

อ่านต่อ

การเดินเร็ว ลดความดันได้

การเดินเร็วๆ หรือ Brisk Walk ช่วยลดความดันได้ดีพอๆ กับการวิ่ง การออกกำลังกายเป็นปัจจัยสำคัญของการควบคุมความดัน หลายคนสงสัยว่าการเดินเร็วจะสามารถลดความดันได้เท่ากับการวิ่งจริงหรือ?การเดินเร็ว 10-12 นาทีต่อกิโลเมตร หรือนับง่ายๆ คือ 100 ก้าวต่อนาที หรื...

อ่านต่อ

รีวิวจากลูกค้าพาวน้ำ

ลูกค้ามีสุขภาพดีขึ้น อาการที่เป็นบรรเทาลง แค่นี้พาวก็ดีใจแล้วครับ...

อ่านต่อ