ภาวะสมองเสื่อมเร็ว โรคซีเจดี

กรมการแพทย์เผยช่วงวัย 40-60 ปีขึ้นไป เสี่ยงภาวะสมองเสื่อมรุนแรงในเวลารวดเร็วจากการทำงานผิดปกติของโปรตีนพรีออนในสมอง นพ.สมศักดิ์อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ประไทยมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น จะมีผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมมากถึง 6-8 แสนคน ส่วนมากพบในช่วงอายุ 65 ปีขึ้นไป  แต่จะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีภาวะสมองเสื่อมรุ่นแรงในเวลารวดเร็วภายใน 1-2 ปี พบในช่วงอายุ 40-60 ปี เป็นคนวัยทำงาน โรคกลุ่มนี้เรียกว่า กลุ่มโรคสมองเสื่อมที่มีการถดถอยรวดเร็วและรุนแรง (Rapidly progressive dementia) โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อในสมอง สมองอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำงานไวผิดปกติ การได้รับสารพิษ ภาวะขาดสารอาหารรุนแรง โรคเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก และเนื้องอกในสมอง ถ้าได้รับการรักษาทันท่วงทีจะได้ช่วยชะลอความเสื่อมถอยด้านความจำ หรือความจำกลับมาสู่ภาวะปกติเท่ากับก่อนป่วยได้ แต่ก็มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถทำการรักษาได้ ส่งผลทำให้เกิดทุพพลภาพในระยะเวลาอันสั้น คือโรคซีเจดี เกิดจากการทำงานผิดปกติของโปรตีนในสมองที่เรียกว่า พรีออน (Prion)เป็นโปรตีนลักษณะพิเศษ ที่ทำให้โปรตีนอื่นกลายสภาพเป็นโปรตีนพรีออนผิดปกติที่เพิ่มมากขึ้นเองได้ เมื่อเข้าสู่สมองคน ในระยะเวลารวดเร็วไม่กี่เดือนเซลล์ประสาทจะตาย ทำให้ความสามารถของสมองถดถอยไม่สามารถฟื้นฟูกลับสู่ภาวะปกติได้อีก คือ โรคซีเจดี ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของโปรตีนพรีออน (Proion) เมื่อโปรตีนผิดปกตินี้เข้าสู่สมองในระยะเวลาไม่กี่เดือนเซลล์ประสาทจะตาย ทำให้ความสามารถของสมองถดถอยไม่สามารถฟื้นฟูได้

การสังเกตอาการโรคซีเจดี

นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคซีเจดีพบในทุกเพศ ช่วงอายุที่พบบ่อยประมาณ 55-75 ปี โดยมีอาการพฤติกรรม มีภาวะเสื่อมถอยด้านความคิดและความเสื่อมถอยด้านความจำในระยะเวลาที่รวดเร็วและรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือน  และพบว่ามีพฤติกรรมและจิตใจที่ผิดปกติ เช่น เห็นภาพหลอน เอะอะโววาย หรือเฉยเมย การพูดและการเคลื่อนไหวช้าลง ผู้ป่วยบางคนจะมีอาการกระตุกตามแขนขาและลำตัวแบบไม่รู้สาเหตุ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ กระทั้งนอนติดเตียง

สาเหตุของโรคเกิดได้จาก

  • ความเสื่อมถอยของโปรตีนและสารเคมีในสมอง
  • โรคพันธุกรรมในครอบครัว
  • ถ่ายทอดแบบการติดเชื้อ เช่น เคยติดเชื้อจากการกินเนื้อวัวที่เป็นโรควัวบ้า 

การรักษาโรคซีเจดี

ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาให้หายขาด  และมีการตรวจพบผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีอาการสงสัยทางอาการ แพทย์จะส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ส่งตรวจ MRI ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง และตรวจเลือดหรือน้ำไขสันหลัง เพื่อตรวจสารเคมีในสมอง และอาจพิจารณาให้การรักษาด้วยยา เพื่อควบคุมอาการพฤติกรรมวุ่นวายและลดอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ เป็นต้น ดังนั้นหากผู้ใกล้ชิดสงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการที่เข้าได้กับโรคซีเจดี ควรรีบพาพบแพทย์โดยเร็ว

ที่มา :  สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย และ ข่าวไทยพีบีเอส

หมวดเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บำรุงสมอง

สมองของเรานั้นถูกใช้งานอย่างหนักแทบจะตลอดเวลา ขณะที่เรานอนหลับสมองของเราก็ยังคงทำงาน ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปสมองเกิดความเหนื่อยล้า จนส่งผลไปสุ่ระบบต่างๆ ในร่างกายก็ทดงานได้น้อยลง ประสิทธิภาพลดลง การบำรุงสมองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะวิถีชีว...

อ่านต่อ

สุขภาพชาย

สุขภาพผู้ชาย แต่เมื่อเริ่มเข้าเลข 3 พบว่าผู้ชายที่อายุเข้า 30 ปีขึ้นไป จะพบว่าตนเองนั้นมีพละกำลัง เรี่ยวแรงน้อยลง ไม่เหมือนก่อนสุขภาพโดยรวมเริ่มย่ำแย่ เพราะฉะนั้นการหมั่นดูแล สุขภาพผู้ชาย จึงเป็นสิ่งสำคัญ เรียกได้ว่า ใครเริ่มดูแลสุขภาพก่อนยิ่งได้เป...

อ่านต่อ

สุขภาพหญิง

ผู้หญิงมีความแตกต่างจากเพศชายอยู่หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของ ร่างกาย ฮอร์โมนของระบบสืบพันธุ์ ความแตกต่างเหล่านี้ส่งผลให้ผู้หญิงมีปัญหาสุขภาพที่แตกต่างจากเพศชาย และในแต่ละช่วงอายุของผู้หญิงก็จะมีปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกันไป โรคที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะ...

อ่านต่อ