น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง แบบไหนดีต่อสุขภาพ
น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง แบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน น้ำตาลทรายขาวกับน้ำตาลทรายแดง นอกจากสีสันที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างน้ำตาลทรายขาวกับน้ำตาลทรายแดงบางประการที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
ร่างกายก็จำเป็นต้องได้รับ น้ำตาลเพื่อเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เนื่องจากกลูโคส (Glucose) เป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานของร่างกาย
น้ำตาลทรายมีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่
น้ำตาลทราย คือ น้ำตาลซูโครส (Sucrose) ที่มีผลึกสีขาวหรือสีน้ำตาล มีขนาดเล็ก ซึ่งเราอาจคุ้นเคยทั้งสองสี คือ สีขาวและสีน้ำตาล หรือที่อาจจะเรียกติดปากกันว่าน้ำตาลทรายขาวกับน้ำตาลทรายแดง ซึ่งทำหน้าที่ให้ความหวานในเมนูอาหารต่างๆ ที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวัน
โดยมากแล้วเมื่อนึกถึง น้ำตาลเราก็มักจะมองเห็นข้อเสียของการรับประทานน้ำตาลเต็มไปหมด ทั้งเป็นสาเหตุของโรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคเรื้อรังต่างๆ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น น้ำตาลก็ยังพอมีประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่บ้าง แม้จะไม่มากมายเท่าไหร่ แต่ก็ยังถือว่าไม่ควรมองข้ามเสียทีเดียว เช่น
ในบางครั้งร่างกายก็จำเป็นต้องได้รับ น้ำตาลเพื่อเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เนื่องจากกลูโคส (Glucose) เป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานของร่างกาย และการที่จะสามารถผลิตกลูโคสได้นั้นก็จำเป็นต้องอาศัยทั้งน้ำตาลแบบซูโครส ฟรุกโตส (Fructose) และกลูโคสมาร่วมกระบวนการด้วย เมื่อน้ำตาลทั้งสามชนิดเกิดการแตกตัว ร่างกายก็จะทำการแยกโมเลกุลทั้งสามออกจากกัน โดยมีอินซูลินทำหน้าที่ในการลำเลียงน้ำตาลเหล่านี้ไปยังเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ก่อนจะถูกเผาผลาญเป็นพลังงานให้กับร่างกาย
นอกจากนี้เรายังอาจเคยได้ยินว่าการกิน น้ำตาล มีส่วนช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น เนื่องจากเมื่อรับประทานน้ำตาลเข้าไปแล้ว สมองจะปล่อยสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โดพามีน (Dopamine) ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้
ความแตกต่างระหว่าง น้ำตาลทรายขาว กับน้ำตาลทรายแดง
แม้น้ำตาลทรายขาวกับน้ำตาลทรายแดงจะจัดว่าเป็นน้ำตาลเหมือนกัน มีรูปลักษณ์ที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันชัดเจนในเรื่องของสี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว น้ำตาล ทั้งสองชนิดนี้ยังมีจุดที่แตกต่างกันอยู่บางประการ ดังนี้
ผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน
ในกระบวนการผลิตน้ำตาลนั้นอาจมีที่มาจากพืชชนิดเดียวกัน เช่น อ้อย แต่ในกระบวนการผลิตอาจมีความแตกต่างกัน น้ำตาลทรายขาวจะผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Purifying process หรือการทำให้บริสุทธิ์ โดยจะทำการกำจัดกากน้ำตาล (Molasses) ออกไปทำให้ น้ำตาล เหลือแต่ก้อนผลึกสีขาว
จากนั้นจึงจะผ่านกระบวนการกรองอีกครั้งหนึ่ง ส่วนน้ำตาลทรายแดงจะผ่านกระบวนการในการผลิตน้อยเพื่อที่จะได้รักษาปริมาณของกากน้ำตาลเอาไว้ โดยจะนำเอาน้ำตาลทรายขาวมาผสมกับกากน้ำตาล น้ำตาลจึงมีสีออกน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม หรือที่เรียกว่าน้ำตาลทรายแดง
คุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกัน
ในกระบวนการผลิตของน้ำตาลทั้งสองชนิดนั้น น้ำตาลทรายแดงจะมีการนำน้ำตาลทรายขาวไปผสมกับกากน้ำตาล ซึ่งกากน้ำตาลนั้นนอกจากจะเพิ่มสีให้กับน้ำตาลทรายแล้ว ก็ยังเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารมากขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งเมื่อนำน้ำตาลทรายแดงมาเปรียบเทียบกับน้ำตาลทรายขาวที่ไม่ได้ถูกนำมาผสมกับกากน้ำตาลจะพบว่า น้ำตาลทรายแดงให้แคลอรีน้อยกว่าน้ำตาลทรายขาวเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ น้ำตาล ทั้งสองชนิดในขนาด 1 ช้อนชา น้ำตาลทรายขาวจะให้ 16.3 แคลอรี ขณะที่น้ำตาลทรายแดงให้เพียง 15 แคลอรี่เท่านั้น นอกจากนี้ในน้ำตาลทรายแดงยังมีแคลเซียมและโพแทสเซียมในปริมาณที่มากกว่าน้ำตาลทรายขาวอีกด้วย
น้ำตาลทรายแดง ดีกว่าน้ำตาลทรายขาวจริงหรือ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าเพื่อการมีสุขภาพดีให้เลือกกินน้ำตาลทรายแดง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก เพราะกากน้ำตาลในน้ำตาลทรายแดงนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารจำพวก แมกนีเซียม แคลเซียม โพแทสเซียมในปริมาณที่มากกว่าน้ำตาลทรายขาว เนื่องจากน้ำตาลทรายขาวนั้นไม่มีกากน้ำตาลที่มีสารอาหารอยู่เลย
อย่างไรก็ตาม ปริมาณสารอาหารที่น้ำตาลทรายแดงมีมากกว่านั้น ก็เป็นปริมาณที่มากกว่าเพียงแค่เล็กน้อย จนอาจกล่าวได้ว่าไม่ได้มากพอสำหรับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกน้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดง จุดประสงค์ก็เพียงเพิ่มความหวานให้กับรสชาติอาหารเป็นหลัก และไม่ได้มีผลดีต่อสุขภาพที่มากกว่าหรือแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดจนต้องฟันธงให้เลือกรับประทานเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผู้บริโภคสามารถเลือกรับประทานตามความชอบหรือรสนิยมของผู้บริโภคได้เลย
ควรรับประทานน้ำตาลเท่าไหร่จึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพ
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า น้ำตาล ทั้งสองชนิดไม่ได้สร้างความแตกต่างในแง่ของการสร้างสุขภาพดีมากนัก ดังนั้นจึงสามารถเลือกรับประทานน้ำตาลชนิดใดก็ได้ตามใจชอบ แต่...ควรจะต้องอยู่ในระดับที่พอดี และไม่ควรจะมากเกินไป เพราะการรับประทานน้ำตาลที่มากจนเกินไป อาจเป็นสาเหตุของความเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือระดับน้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้น ซึ่งนั่นทำให้สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association หรือ AHA) ได้แนะนำหลักในการรับประทานน้ำตาลอย่างเหมาะสมเอาไว้ว่า
ผู้หญิง ควรจะรับประทาน น้ำตาล ในปริมาณ 100 แคลอรีต่อวัน หรือประมาณ 6 ช้อนชา (25กรัม)
ผู้ชาย ควรจะรับประทาน น้ำตาล ในปริมาณ 150 แคลอรีต่อวัน หรือประมาณ 9 ช้อนชา (36กรัม)
ข้อมูล :Khongrit Somchai / sanook.com
POW DERLA พาวเดอร์ล่า
พาวเดอร์ล่า POWDERLA พาวรูปแบบใหม่ พาวผงชงดื่ม ได้ประโยชน์ อร่อย ชงง่าย โดยมีพลูคาวเป็นส่วนผสมหลัก นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย ขิง กระชายขาว ตรีผลา (สมอไทย มะขามป้อม สมอพิเภก) ใบหม่อน ชะเอมเทศ เก๊กฮวย เจียวกู้หลาน แป๊ะก๊วย ใบบัวบก งาดำ สารสกัด...
ดูรายละเอียดบำรุงสมอง
สัญญาณวัยทอง
วัยหมดประจำเดือนปกติร่างกายผู้หญิงจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนถูกสร้างขึ้นจากรังไข่ทำให้มีประจำเดือน แต่เมื่อใดที่รังไข่หยุดผลิตฮอร์โมนส่งผลทำให้ไข่ไม่ตก และไม่ผลิตประจำเดือนเป็นเวลาติดต่อกัน 12 เดือน ผู้หญิงวัยทองพบบ่อยในช่วงอายุ 49–55 ปี วัยทองสามารถเกิ...
อ่านต่อนอนหลับสนิท ด้วยโยคะ
การออกกำลังกายสม่ำเสมอนั้น คือยาวิเศษที่ ไม่ต้องพึ่งหมอ เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ภูมิต้านทานดีขึ้น ลดความเครียด เพิ่มความกระฉับกระเฉง และ ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มคุณภาพในการนอนหลับ ให้นอนหลับสนิท ตื่นขึ้นมากสดชื่นสดใสนอนเยอะแ...
อ่านต่อซินไบโอติก Synbiotics คืออะไร มีประโยชน์ต่อร่างกายไหม
ซินไบโอติก (Synbiotics) คือการนำโพรไบโอติกและพรีไบโอติก มาผสานเข้าด้วยกันซึ่งโพรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีมีประโยชน์ต่อลำไส้ ส่วนพรีไบโอติก คืออาหารของโพรไบโอติกเป็นเส้นใยอาหารที่ร่างกายสามารถย่อยหรือดูดซึมได้ในระบบทางเดินอาหาร เมื่อนำทั้ง2ชนิดมา...
อ่านต่อกฎการนอนหลับ 90 นาที
คงมีหลายๆครั้งทั้งที่เรานอนเพียงพอ แต่ก็ตื่นมางัวเงีย ไม่สดชื่น หรือ บางวัน ที่นอนน้อย แค่จะพูดให้รู้เรื่องยังยากเลยหลับสบาย ตื่นมาสดชื่นไม่มึนหัว ด้วยกฎการนอนหลับ 90 นาทีในตอนที่เราหลับ สมองเราก็ยังทำงานอยู่ตลอด แต่ทำเป็นจังหวะ ทำให้เกิดจังหวะการนอน...
อ่านต่อPowderlar วิธีทาน
Powderlar วิธีทาน สุขภาพดีแค่ 3 stepฉีกซองพาวเดอร์ล่า 1 ซอง เทลงในแก้วที่แห้งเติมน้ำใส่แก้ว ประมาณ 30 ml. แนะนำควรเป็นน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติจะช่วยให้ละลายง่ายขึ้นคนละลายให้เข้ากัน แล้วดื่มได้ทันที...
อ่านต่อ