ประโยชน์ของคอลลาเจน ที่ควรรู้
ปรับปรุงล่าสุด : 27 มกราคม 2564คอลลาเจนที่คุณทานอยู่ คุณทราบประโยชน์หรือไม่? และทำไม่ต้องทาน? หรือรับประทานตามกระแส วันนี้เรามาเจาะลึกถึงผลของการที่ร่างกายขาดคอลลาเจน และประโยชน์ของคอลลาเจน ให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ คอลลาเจน เป็นสิ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น คือเมื่ออายุ 30+ปี พบว่าการสังเคราะห์คอลลาเจนเริ่มลดลงคอลลาเจนเดิมที่มีอยู่เริ่มเสื่อมสภาพ ผลกระทบของการขาดคอลลาเจนที่สามารถพบได้คือ
- การเกิดริ้วรอยบนผิวหนังมีมากขึ้น
- ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ไม่กระชัย
- กระดูกอ่อนเสื่อมสภาพ
- เริ่มมีอาการปวดตามข้อต่อกระดูก เป็นที่มาของโรคข้อเสื่อม
ประโยชน์ของคอลลาเจน
- ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับใสและเรียบเนียน ต่อต้านการเกิดริ้วรอยก่อนวัย จากงานวิจัยของสถาบันผิวหนังประเทศญี่ปุ่น จากกลุ่มผู้หญิงอายะระหว่าง 35-55 ปี จำนวน 47 คน โดยให้รับประทาน คอลลาเจน ปริมาณ 10 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าผิวหนังของกลุ่มผู้ทดลอง มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง แผลเป็นดูจางและผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
- เพิ่มความแข็งแรงให้ชั้นผิว ป้องกันการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ สามาช่วยลดการเกิดรอยดำ รวมทั้งกระตุ้นการสร้างเซราไมค์ที่ชั้นผิวหนัง ป้องกันการสูญเสียน้ำที่ชั้นผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองที่ผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต โดยเฉพาะหลอดเลือดเล็ก และช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวกระจ่างใส
- ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง คอลลาเจนจะช่วยให้รากผมแข็งแรงลดการหลุดร่วง ขาดเปราะ ช่วยเร่งให้ผมยาวขึ้น และยังช่วยให้เล็บมีความแข็งแรงลดปัญหาเรื่องเล็บฉีกขาด
- เสริมสร้างให้เส้นเอ็นมีความยืดหยุ่น ลดอาการปวดตึงของเส้น ทำให้เส้นเอ็นคลายตัวได้เร็วขึ้น
- ช่วยบรรเทาอาการโรคข้อเสื่อม มีการศึกษาของ University of Tuebingen ประเทศเยอรมนี ด้าน "สุขภาพ" เกี่ยวกับภาวะ "โรคข้อเสื่ม" ในประชากรที่มีภาวะข้อเสื่อมจำนวน 2,000 คน โดยศึกษาผู้ป่วยจากโรคข้อเสื่อมที่ได้รับ คอลลาเจน (Collagen Hydrolysate)ในปริมาณ 5 กรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่า คอลลาเจน สามารถช่วยลดการอักเสบ และอาการเจ็บปวด จากกการเคลื่อนไหวในบริเวณเซลล์กระดูกอ่อนของข้อต่างๆได้
คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานคอลลาเจน
- ตามคำแนะนำขององค์การอาหารและยา แนะนำว่าควรรับประทาน 5,000-7,000 มิลลิกรัม/วัน แต่ไม่ควรเกิน 10,000 มิลิกรัม/วัน เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้
- ควรเลือกรับประทานคอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyzed Collagen)เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนสายยาว ซึ่งส่วนใหญ่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนจะเป็นคอลลาเจนสายสั้น
- ควรรับประทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมากๆ หรือรับประทานคู่กับวิตามินซี เพื่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น