กาแฟชะลอวัย แต่ต้องใช้ให้ถูก

<strong>กาแฟ</strong><strong>ชะลอวัย</strong> แต่ต้องใช้ให้ถูก #2

กาแฟเป็นเครื่องดื่มประจำของใครหลายคน แต่ก็มีไม่น้อยที่กังวลว่าถ้าดื่มในปริมาณมากไปก็จะผลกระทบต่อร่างกาย จึงอยากให้รู้ถึงฤทธิ์ของ “คาเฟอีน” ที่เกินไปจะทำให้มีผลต่อร่างกายเราคือ ปวดหัว มึนศีรษะ ใจสั่น นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ท้องเสีย สำหรับอาการที่ควรพบแพทย์ได้แก่อาการเจ็บหน้าอก กระเนื้อกระตุกหรือชักกระตุกซึ่งอาจเกิดได้จากคาเฟอีนทำพิษ มีคนไข้จำนวนหนึ่งที่มาปรึกษาเรื่องชะลอวัยแต่ใจก็ยังคงอยากดื่มกาแฟ ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่ข้อห้ามแต่อย่างใด

ในโปรแกรมชะลอวัยนั้นกาแฟก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วย “ชะลอวัย” ได้

โดยมีงานวิจัยที่ยืนยันในคุณสมบัติกาแฟดังนี้

  1. กระตุ้นร่างกาย ทำให้ร่างกายและสมองตื่นตัว กาแฟมีสารชื่อคล้ายกันคือ “แคฟเฟอีน” ที่ไปแย่งจับกับสารหยุดพักในสมองของเราทำให้ร่างกายตื่นตัว มีสารสื่อประสาทตัวอื่นเพิ่มคือนอร์เอพิเนฟรินและโดพามีนที่กระตุ้นสมอง
  2. ช่วยเผาผลาญไขมัน แคฟเฟอีนในเครื่องดื่มสีดำนีช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้ร่างกายเรา 3-11% เชียวครับจากงานวิจัยของ Wageningen Agricultural University ที่เนเธอแลนด์ ส่วนการศึกษาตีพิมพ์ใน American Journal Clinical Nutrition ก็ชี้ว่ากาแฟเพิ่มการเบิร์นไขมันได้มากถึง 10% ในคนอ้วน ส่วนคนทั่วไปที่หุ่นลีนอยู่แล้วนั้นได้ถึง 29% อย่างไรก็ดีการดื่มกาแฟระยะยาวอาจลดผลในข้อนี้
  3. เพิ่มศักยภาพการออกกำลังกาย แคฟเฟอีนกระตุ้นระบบประสาทให้ส่งสัญญาณไปบอกก้อนเซลล์ไขมันให้สลายไขมัน นอกจากนั้นมันยังไปเพิ่มระดับสารอะดรีนาลินที่ไหลเวียนในเลือดของเราทำให้ร่างกายพร้อมที่เข้าสู่โหมดพร้อมใช้งานกล้ามเนื้อจึงทำให้แคฟเฟอีนช่วยเพิ่มพลังการออกกำลังกายได้ถึง 11-12% โดยเฉลี่ยจากการศึกษาในวารสาร International Journal Sport Nutrition Exercise Metabolism
  4. กาแฟมีวิตามินและแร่ธาตุชั้นเยี่ยม ในกาแฟ 1 ถ้วยนั้นมีรายงานว่าประกอบด้วยวิตามินบี 2, บี 3, บี 5 และแร่ธาตุแมงกานีสกับโพแทสเซียม ซึ่งมีอยู่อย่างละไม่มากไม่มายแต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้วิตามินกับเราได้
  5. อาจช่วยลดเสี่ยงเบาหวาน โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแสบในผู้ใหญ่ ดังในการศึกษาหลายชิ้นที่เผยว่าคนดื่มกาแฟมีความเสี่ยงเบาหวานลดลง 23-50% ซึ่งถือว่ามากทีเดียว โดยในรายละเอียดผู้วิจัยสรุปว่า 3 แก้วต่อวัน ส่วนงานวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยโอกลาโฮมาเผยว่าช่วยลดเสี่ยงได้ถึง 67% เลยทีเดียว
  6. ปกป้องเราจากโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ การลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมที่มักเกิดขึ้นได้บ่อยในมนุษย์วัย 65 ปีขึ้นไปนี้อยู่ที่กินออกกำลังและกินอาหารที่ดี ส่วนการดื่มคอฟฟี่ก็มีสิทธิ์ช่วยได้ดังการศึกษาจากสถาบันประสาทวิทยามหาวิทยาลัยลิสบอนกล่าวว่าการบริโภคคาเฟอีนมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ กับงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งจากโปรตุเกสเช่นกันลงตีพิมพ์ในวารสาร Journal Alzheimer’s disease ก็ได้มีการศึกษาเรื่องนี้ไว้(Caffeine intake and dementia :systemic review and meta-analysis)
  7. ผู้พิทักษ์ตับแข็ง ตับแข็งเกิดได้จากหลายสาเหตุนะครับ ไม่ได้เกิดจากเหล้าอย่างเดียว แต่คนยุคใหม่ต้องระวังสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบและไขมันจุกตับ(fatty liver)ที่ผมพบในคนไข้ที่มาหาหนาตามากขึ้นเรื่อยๆ มีรายงานว่าผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 4 แก้วต่อวันอาจช่วยลดเสี่ยงตับแข็งจากอัลกอฮอล์ได้ ดังมีการศึกษาจากฝ่ายวิจัยแพทยศาสตร์ Kaiser Permanente Medical Care Program เผยว่าคุณสมบัตินี้มาจากสารในกาแฟ ส่วนกาศึกษาจากภาควิชาสถิติและระบาดวิทยา University of Milan-Bicocca พบว่ากาแฟอาจระงับการเกิดโรคตับแข็งจากอัลกอฮอล์และไม่ได้มาจากอัลกอฮอล์ได้ ซึ่งทั้งนี้ไม่รวมเครื่องดื่มคาเฟอีนอื่นๆ

โดยสรุปคือการดื่มกาแฟมีผลดีต่อสุขภาพที่ควรทราบไว้ไม่ว่าจะเป็นผลต่อสมอง,ไขมันจุกตับ,การเผาผลาญ,เบาหวานหรือการลดน้ำหนักตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจำเป็นต้องดื่มกาแฟเสมอไปเพราะในข้อดีต่างๆที่กล่าวมาสามารถหาได้จากการรับประทานอาหารอื่นๆเช่นกัน เช่นอยากช่วยสมองก็รับประทานปลาทูหรืออยากช่วยให้เบาหวานดีขึ้นก็รับประทานมะระขี้นก,อบเชยหรือหาแร่ธาตุโครเมี่ยมมารับประทานเสริมก็ได้แถมยังช่วยชะลอวัยได้อีกด้วย

<strong>กาแฟ</strong><strong>ชะลอวัย</strong> แต่ต้องใช้ให้ถูก #1

กาแฟพาว เอส คอฟฟี่ POW S Coffee

กาแฟพาวเอส PowSCoffe ด้วยส่วนผสมที่ลงตัว อร่อย รสชาติเข้มข้น ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่มีน้ำตาล พาวเอสคอฟฟี่ เร่งเบิร์น คุมหิว อิ่มนาน เพื่อสุขภาพและความอร่อยที่ลงตัว ส่วนประกอบ1. ครีมเทียมจากน้ำมันมะพร้าว2. ผงกาแฟโรบัสตาคั่วสำเร็จรูป3. พาลาทิโนส4. น้...

ดูรายละเอียด

ควบคุมน้ำหนัก

บทความน่ารู้

น้ำตาลสะสม และ น้ำตาลรายวัน

น้ำตาลลดไม่ได้หมายความว่าเบาหวานดีขึ้นเสมอไป ถ้ายังไม่ได้ตรวจน้ำตาลสะสม (HbA1C) ซึ่งไม่ควรเกิน 5.6ค่าน้ำตาลในเลือดรายวันอยู่ระหว่าง 70 – 99 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าเป็นค่าน้ำตาลตามเกณฑ์ปกติอยุ่ระหว่าง 100 – 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าเป็นกลุ่ม...

อ่านต่อ

น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง แบบไหนดีต่อสุขภาพ

น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง แบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน น้ำตาลทรายขาวกับน้ำตาลทรายแดง นอกจากสีสันที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างน้ำตาลทรายขาวกับน้ำตาลทรายแดงบางประการที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ร่างกายก็จำเป็นต้องได้รับ น้ำตาลเพ...

อ่านต่อ

ออกกำลังกาย ช่วงเวลาไหนดี

เช้า สาย บ่าย เย็น ช่วงไหนควรออกกำลังกายมากที่สุด ช่วงเวลาในการออกกำลังกายส่งผลต่อประสิทธิภาพในการออกกำลังกายของเราหรือไม่?ออกกำลังกายตอนกลางวัน หรือ ตอนกลางคืนจากรายงานการศึกษาล่าสุดพบว่า ช่วงเวลาในการออกกำลังกาย ส่งผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานหรือไม่...

อ่านต่อ

ไขมันตัวร้าย นำพามาสารพันโรค

ไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมากมาย โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ  โรคหลอดเลือดสมอง นำพาไปสู่อาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ชนิดของไขมันในเลือด ไขมันในเลือดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ คอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอร์ไรด์&n...

อ่านต่อ

ค่าน้ำตาลสะสม

ค่าน้ำตาลสะสมของคุณเท่าไร? ถ้าตอบไม่ได้ ถ้าไม่รู้ บอกเลยว่า เบาหวานที่เป็นอยู่ หายยากแน่นอน บทความนี้บอกว่าค่านี้สำคัญยังไงผู้ป่วยเบาหวาน ควรตรวจหาค่าน้ำตาลสะสม ทุกๆ 3เดือนการตรวจหาค่าน้ำตาลสะสม ส่วนใหญ่จะใช้เลือดจากเส้นเลือดที่แขน ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะต...

อ่านต่อ