ประโยชน์ของ ชาขาว
ปรับปรุงล่าสุด : 4 พฤษภาคม 2565ชาขาว ประกอบด้วยสารโพลีฟีนอล (Polyphenols)ประเภท EGCG สูงมากกว่าชาชนิดอื่น เป็นหนึ่งในโมเลกุลจากพืชที่เป็นตัวต้านสารอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่คอยซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหาย ต้านการอักเสบ และเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ชาขาวจึงได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ด้วยประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ดั้งนี้
“ชาขาวถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งขาชาวถือว่ามีประโยชน์ทางด้านนี้ เพราะมีสารโพลีฟีนอลประเภท EGCGสูงมากกว่าชาชนิดอื่น”
- ต้านอนุมูลอิสระ
จากการวิจัยพบว่า การดื่มชาขาวจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าการบริโภคผักและผลไม้ที่ม่สารต้านอนุมูลอิสระสูงในสัดส่วนที่เท่ากัน และยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ชาที่ชงจากยอดชาขาวมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาชนิดอื่น และยังอุดมไปด้วยวิตามินCและ Eอีกด้วย การดื่มชาขาวมีผลดีต่อสุขภาพของเรามาก และยังช่วยชะลอความแก่ ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าได้อีกด้วยการดื่มชาขาวจะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการตึงเครียดจากการทำงานหนัก - ประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและฟัน
สารฟลาโวนอย (flavonoids)และแทนนิน (Tannins) ในชาขาวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดคราบหินปูน และยังพบสารฟลูออไรด์ซึ่งสามารถลดความเสี่่ยงที่ทำให้เกิดฟันผุได้ - ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
ชาขาวมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเช่นเดียวกับชาเขียว จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโอไฮโอเซาเทิรน์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าชาขาวมีปริมาณสารโพลีฟีนอลสูงกว่าชาเขียว ที่ช่วยป้องกันมะเร็งหลายชนิด ทั้งมะเร็งปอด ต่อมลูกหมาก เต้านม ลำไส้ใหญ่ ตับ ผิวหนัง และกระเพาะอาหาร เพราะในชาขาประกอบด้วยสารโพลีฟีนอลประเภท EGCGที่มากกว่า - รักษาระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผลจากการดื่มชาขาว ช่วยรักษาอาการดื่มน้ำมาก (Polydipsia)ซึ่งเป็นอาการที่พบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังสามารถลดปริมารกลูโคลและเพิ่มการหลั่งอินซูลินในกระแสเลือดได้ - ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
ในขาชาวพบสาร ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)ซึ่งมีคุณสมบัติลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ชะลอการสะสมไขมันที่หลอดเลือดแดง ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดตีบที่เกิดจากออกซิเดชั่นไขมันเลว(LDL Cholesterol) - ช่วยในการลดน้ำหนัก
เนื่องจากสารคาเฟอีนและสารเคเทซินในชาขาว ช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายดีขึ้น เผาผลาญพลังงานได้มาก เป็นผลทำให้น้ำหนักตัวลดลง โดยที่ไม่ผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ ถึงแม้การดื่มชาจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ แต่การควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย จึงจะทำให้การลดน้ำหนักประสบผลสำเร็จ - เพิ่มภูมิคุ้มกัน
สารโพลีฟีนอลในชาขาว ช่วยพัฒนากระบวนการล้างสารพิษและสิ่งสกปรกจากร่างกาย จึงช่วยป้องกันเซลล์ของร่างกายจากการเสื่อมสภาพและถูกทำลายก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกัน และสารคาเทซินในชาขาว โดยเฉพาะEGCGมีสรรพคุณป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี จากข้อมลูในวารสารวิทยาภูมิคุ้มกันทางการแพทย์และโรคภูมิแพ้ จากการทดลองแสดงให้เห็นว่า ชาขาวเข้มข้นช่วยป้องกันไม่ให้เชื้่อไวรัสเอชไอวีจับตัวกับเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า ทีเซลล์ (T Cells) ซึ่งเป็นด่านแรกที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้ - ต้านริ้วรอยชะลอความแก่
สารแอนตี้ออกซิแดนท์ในชาขาวจะช่วยปกป้องผิวจากภายใน โดยป้องกันการสูญเสียโปรตีนในชั้นผิวจากกระบวนการออกซิเดชั่น มีส่วนในการปกป้องเซลล์ผิว อันเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยหรือจุดด่างดำ พัฒนาระบบภูมิคุ้มกันผิว ยับยั้งอนุมูลอิสระที่มีสาเหตุมาจากรังสียูวี เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนัง ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ผิวไม่แห้งกร้าน
ชาขาว ชาขาวเข็มเงิน ห้วยน้ำกืน เวียงป่าเป้า เชียงราย
Baihao Yinzhen ไป๋หาวหยินเจิน ชาขาวเข็มเงิน หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Silver Needle ด้วยลักษณะเหมือนเข็ม มีขนสีขาวประกายเงินปกคลุม จึงเรียกว่าเข็มเงิน
ชาขาวเข็มเงิน ตราบ้านชาไทย ปลูกบนยอดเขาสูงไม่น้อยกว่า 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากไร่ชาบ้านห้วยน้ำกลืน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ในการเก็บใช้เพียงมือเก็บเฉพาะยอดอ่อนของต้นชาที่เพิ่งแทงยอดออกมา มีลักษณะยอดตูม แหลมไม่บาน เนื่องจากมีลักษณะยอดค่อนข้างเล็กและบอบบาง ในการเก็บเกี่ยวจึงต้องทำอย่างพิถีพิพัน และนำมาผ่านกระบวนการทำให้แห้งโดยการตากลมผึ่งแดด หรือการอบด้วยเครื่องอบ ไม่ผ่านกรรมวิธีการบ่มหมัก
ชาวไร่ชาหนึ่งคนเดินเก็บยอดชาทั้งวัน จะได้ยอดชาประมาณ 200-300 กรัม เมื่อนำมาทำให้แห้งจะเหลือน้ำหนักเพียง 40-60 กรัม จึงทำให้ชาขาวเป็นชาที่หากยาก
ชาเข็มเงินไป๋หาวมีฤทธิ์เย็น ปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าชาชนิดอื่น เนื่องจากเป็นยอดอ่อนของต้นชา รสชาติของชาขาว white tea ต้านอนุมูลอิสระ กลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติอ่อนละมุน
การชงชา ให้ได้รสชาติที่อร่อย
- ลวกแก้วชา หรือกาสำหรับชงชา ด้วยน้ำร้อน เททิ้งไปก่อน 1 ครั้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิของภาชนะ
- ใส่ชาขาวลงไปในภาชนะ ตามปริมาณที่ต้องการ โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ประมาณ 3-5 กรัม ต่อน้ำ 150 ml. *หากชอบรสชาติเข้มสามารถเพิ่มปริมาณชาได้*
- ทำการลวกชา โดยเทน้ำร้อนอุณภูมิ 80-100 องศา ลงไปในภาชนะ เทน้ำชาทิ้ง 1 รอบ *แนะนำน้ำที่อุณหภูมิ 80 องศา เพราะชาขาวไม่ได้ผ่านการนวด*
- เทน้ำร้อนลงในภาชนะชงชา รอประมาณ 3-5 นาที จึงค่อยๆรินออกดื่ม สามารถชงชาได้เรื่อยๆ จนกว่าจะหมดรสชาติ
- ควรดื่มชาขาวในขณะที่ยังร้อนอยู่ จะช่วยเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ได้เป็นอย่างดี